King’s Birthday
His Majesty King Bhumibol Adulyadej the Great was born on December 5, 1927 to Prince Mahidol of Songkhla and Mom Sangwan. His Majesty is the ninth King of the Chakri Dynasty and the longest-reigning monarch in the history of Thailand. His Majesty the King is well recognised as the heart and soul of the Thai nation. He is held in high esteem not only by his own subjects, but His Majesty also commands enormous respect from people in all parts of the world. Everywhere he goes, people turn up to greet him in hundreds of thousands. The manner in which His Majesty conducts himself, giving his whole heart and attention to the people, immediately linked the living symbol of the nation to the people in a bond of mutual understanding and personal affection. The main concern of His Majesty is for the uplifting of the general well-being of the people. Evidence of this can be drawn from His Majesty the King’s ceaseless efforts to visit his subjects in the rural areas. The aim of His Majesty’s visits is to learn at first hand about the needs of his subjects. To obtain such information, his Majesty has to travel many thousands of kilometres throughout the kingdom and, whenever possible, suggests ways to overcome the difficulties. These visits have led to the establishment of over 1,000 Royal and Royally-initiated projects. They are implemented by the relevant agencies of the government after having been given advice and assistance by His Majesty. His Majesty is the first member of the Royal Family to be granted a patent for an invention. The registered patent is for one of His Majesty’s “Chai Pattana Machines”-the Chai Pattana Aerator Model RX 2. The patent rights call it an “apparatus” for water treatment”, which is used for agricultural and industrial purposes and can be seen operating in many polluted water ways. Buddhism is the national religion of Thailand and His Majesty constantly shows himslef to be a convinced and dedicated disciple of the Lord Buddha. To follow the tradition of young Buddhist men to go into the monastery for a period of time, His Majesty entered the Buddhist monkhood at Wat Bovornnives on 22 October 1956. The Constitution of Thailand, however, does not prescribe the King to be only the Defender of the Buddhist Faith, but also to be the upholder of all Religions. He gives equal attention to the protection of all forms of worship and also to the problems of other religious communities in Thailand. His Majesty King Bhumibol Adulyadej the Great came to the throne on June 9, 1946. The meaning of his name is “Strength of the Land, incomparable Power”. Since that date he has reigned over the Kingdom of Thailand as a constitutional monarch. At the Coronation Ceremony on May 5, 1950, His Majesty the King pronounced the traditional Oath of Accession which stated: -“We will reign with righteousness for the benefit and happiness of the Siamese people”. His Majesty’s actions since then have thoroughly reflected those words and have always been directed towards increasing the welfare and prosperity of the Thai nation. On his birthday, which is observed as a National Holiday, all his subjects rejoice in demonstrating once more their affection and loyalty to him. Religious rites are held, houses and buildings are decorated with flags, lights and his portraits. The whole nation prays to the Holy Triple Gem and all the sacred things in the universe to bless His Majesty with good health and happiness and the strength to carry on his onerous task.
วันเฉลิมพระชนมพรรษา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงประสูติเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ทรงเป็นพระราชโอรสของเจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์และหม่อมศรีสังวาลย์ พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ องค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรีและทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์นานที่สุดใน ประวัติศาสตร์ไทย พระองค์ทรงได้รับการ เทิดทูนว่าเป็นศูนย์รวมใจของชาวไทยทั่วทั้งประเทศ พระองค์ไม่เพียงแต่เป็นที่เคารพรักของพสกนิกรของพระองค์เท่านั้น หากยังเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั่วโลกอีกด้วย ในทุก ๆ ที่ที่พระองค์เสด็จไป พสกนิกรต่างพากันมาเข้าเฝ้าชื่นชมพระบารมีอย่างล้นหลาม จากการปฏิบัติภารกิจของพระองค์โดยทุ่มเทพระราชหฤทัยไปยังทวยราษฎร์นี้นี่เอง ที่ทำให้พระองค์กลายเป็นศูนย์รวมใจของชนในชาติให้มีความสมานฉันท์และเอื้อ อาทรต่อกันและกัน ความสนพระราชหฤทัยของ พระองค์ส่วนใหญ่ก็เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่พสกนิกร ทั้งนี้เห็นได้จากความวิริยะอุตสาหะของพระองค์โดยไม่ทรงเห็นแก่ความเหน็ด เหนื่อยพระวรกาย อันเนื่องมาจากการเสด็จเยือนพสกนิกรในถิ่นทุรกันดาร พระราชประสงค์ของการเสด็จเยือนก็เพื่อที่จะได้ทรงรับทราบความต้องการของ พสกนิกรด้วยพระองค์เอง เพื่อให้ได้มาซึ่ง ข้อมูลเหล่านั้น พระองค์ต้องเสด็จพระราชดำเนินเป็นระยะทางหลายพันกิโลเมตรทั่วพระราชอาณาจักร และเมื่อใดก็ตามที่ทรงมีโอกาสพระองค์ก็จะทรงเสนอแนะวิธีเอาชนะปัญหาต่างๆ จากการเสด็จเยือนสถานที่ต่าง ๆ เหล่านี้เองที่นำไปสู่การจัดตั้งโครงการหลวงและโครงการในพระราชดำริกว่า 1,000 โครงการ หลังจากที่ได้รับทราบแนวพระราชดำริแล้วหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลก็จะรับไปดำเนินการเพื่อตอบสนองพระราชประสงค์สืบไป พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวทรงเป็นสมาชิกของเชื้อพระวงศ์พระองค์แรกที่ทรงได้รับการจดทะเบียน ลิขสิทธิ์สิ่งประดิษฐ์และสิ่งประดิษฐ์นั้นก็คือ “กังหันน้ำชัยพัฒนา” หรือ “The Chai Pattana Aerator Model RX2” แต่ในทะเบียนลิขสิทธิ์เรียกว่า “Apparatus for water treatment” (หรือเครื่องบำบัดน้ำเสีย) ซึ่งทรงมีพระราชประสงค์เพื่อใช้ในการเกษตรและอุตสาหกรรมและสามารถจะพบเห็น เครื่องบำบัดน้ำเสียเช่นนี้ได้ตามแม่น้ำลำคลองที่กำลังเผชิญกับภาวะเน่าเสีย ศาสนาพุทธเป็นศาสนา ประจำชาติไทยและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงแสดงให้เป็นประจักษ์อยู่ เสมอมาว่าพระองค์ทรงเป็นพุทธศาสนิกชนอย่างถ่องแท้ โดยทั่วไปเพื่อเป็นการปฏิบัติตามประเพณีชายหนุ่มชาวพุทธจะทำการอุปสมบทเป็น ระยะเวลาหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงผนวชเป็นพระภิกษุที่วัดบวรนิเวศ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2499 นอกจานี้รัฐธรรมนูญไทยไม่ได้ระบุเพียงว่าพระมหากษัตริย์ต้องเป็นผู้ที่ เลื่อมใสศรัทธาในศาสนาพุทธเท่านั้นแต่ยังต้องทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภ์ของทุก ๆ ศาสนาอีกด้วย พร้อมทั้งยังทรงใส่พระทัยและให้การคุ้มครองแก่ทุกลัทธิความเชื่อ อีกทั้งยังทรงให้การปฏิบัติแก่ผู้ที่นับถือศาสนาต่าง ๆ ที่พักพิงภายใต้พระบรมโพธิสมภารอย่างเท่าเทียมกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่ภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงเสด็จขึ้นสู่บัลลังก์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489 พระนามของพระองค์มีความหมายว่า “กำลังแห่งแผ่นดิน, ไม่มีอำนาจใดเทียบเท่า” และนับแต่วันนั้นเป็นต้นมา พระองค์ก็ได้ทรงปกครองราชอาณาจักรภายใต้รัฐธรรมนูญ และในพระราชพิธีราชาภิเษก เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 พระองค์ได้ให้คำสัตย์ปฏิญาณในการขึ้นครองราชย์ตามประเพณีว่า “เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรสยาม” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพระองค์ก็ได้แสดงให้เห็นอย่างแจ่มชัดแล้วดังที่พระองค์ ทรงตรัสไว้โดยทรงมุ่งไปยังการช่วยให้พสกนิกรกินดีอยู่ดีและมีความเจริญ รุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป เนื่องในวโรกาสคล้าย วันพระราชสมภพขององค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งถือเป็นวันชาติ พสกนิกรทุกหมู่เหล่าต่างพร้อมเพรียงกันแสดงความจงรักภักดีและแซ่ซ้อง สรรเสริญพระบารมีของพระองค์อีกครั้งหนึ่ง และในโอกาสนี้ก็จะมีการทำบุญตักบาตร ประดับประดาบ้านเรือน ตึก อาคาร ด้วยธงชาติ และธงพระปรมาภิไธย ไฟประดับและพระบรมฉายาลักษณ์ ชาวไทยทั่วทั้งประเทศต่างสวดมนต์อ้อนวอนพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ง หลายในสากลโลกจงดลบันดาลให้พระองค์มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ ทรงพระเกษมสำราญ และมีพละกำลังแข็งแรงเพื่อทรงช่วยเหลือพสกนิกรตราบนานเท่านาน
ขอบคุณ http://english-for-thais-2.blogspot.com/2009/08/1068.html
0 ความคิดเห็น